วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2552

วิธีป้องกัน นักเรียนตีกัน

วิธี ป้องกันนักเรียน นักศึกษาตีกันต่อไปนี้อาจจะช่วยได้บ้าง ถ้าชอบหรือคิดว่าอาจป้องกันได้ก็ลองนำไปใช้ดู อาจจะดีกว่าปิดสถานศึกษา หรือตัดเงินกู้ยืมเรียนก็ได้

(1) ครู อาจารย์อย่าให้ท้ายนักเรียนนักศึกษา บางแห่งมีครู อาจารย์ที่เป็นศิษย์เก่าของสถาบันนั้นๆ มักจะยุยงส่งเสริมเด็กเกี่ยวกับเรื่องราวที่ไม่ดีที่ผ่านๆ มา จนทำให้สถาบันทั้งสองต้องเป็นศัตรูกันพบหน้ากันที่ไหนต้องมีเรื่องราวกัน บางครั้งเลยเถิดถึงตาย สอดคล้องกับผลการวิจัยที่ว่าการมีเรื่องกันเพราะเป็นประเพณีอย่างหนึ่งที่มี มานาน

(2) ระเบียบ วินัยของนักศึกษาของสถาบัน ครู อาจารย์ทุกคนควรมีหน้าที่รักษาและให้นักเรียนนักศึกษาปฏิบัติตามระเบียบ วินัยโดยเคร่งครัด มิใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มิฉะนั้นจะดูแลนักเรียนนักศึกษาได้ไม่ทั่วถึง เช่นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายกิจการนักศึกษาแต่เพียงฝ่ายเดียว

(3) การคัดเลือกนักเรียนนักศึกษาเข้าเรียน ควรมีมาตรการที่รอบคอบกว่านี้ในขั้นตอนของการสอบสัมภาษณ์ ไม่หมายความว่าไม่รับเด็กเข้าเรียน เพราะสถานศึกษาเป็นสถานที่กล่อมเกลาให้เด็กและเยาวชนเป็นคนดีอยู่แล้ว ในที่นี้หมายความว่าเด็กกลุ่มไหนควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ก็อาจจะจัดกิจกรรมให้เด็กได้ตามความต้องการได้มากยิ่งขึ้น

(4) จัดให้มีการไหว้ครูร่วมกันเพราะไหว้ครูช่างเหมือนกัน จะทำให้นักศึกษามีความสนิทสนมกันและรู้สึกว่าเป็นหน่วยเดียวกันมีครูที่ นับถือองค์เดียวกัน คือพระวิษณุกรรมเหมือนกัน

(5) จัดกิจกรรมรับน้องใหม่ และละลายพฤติกรรมของน้องด้วยกัน งานนี้แนะนำว่าควรจัดในค่ายทหาร ใช้เวลาประมาณสองวันหนึ่งคืน กางเต๊นท์นอน เวลานอนต้องจับคู่นอนสลับกัน เต๊นท์บุคคลนอนได้สองคน และต้องรู้รายละเอียดของคู่นอน ต้องช่วยกันทำทุกอย่างแล้วแต่จะจัดกิจกรรม

(6) จัดรุ่นพี่เป็นสารวัตรนักเรียนคอยดูรุ่นน้อง และคอยดูตรวจตรารุ่นน้องที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ

(7) จัดกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ร่วมกัน ตามวัดและชุมชนต่างๆ

(8) จัดกิจกรรมกีฬาอย่างพอเพียง ทั้งสองสถาบันอยู่ใกล้สนามศุภชลาศัย อาจารย์สามารถพาเด็กไปขอใช้สนามบริเวณรอบๆ ได้ ส่งเสริมกีฬาประเภทต่อสู้ ให้ขึ้นสู่ระดับชาติให้มากๆ ถ้าจำไม่ผิด "แชมป์มงกุฎเพชร" อดุลย์ ศรีโสธร เคยสร้างชื่อเสียงให้ช่างกลปทุมวันลือลั่นมาแล้ว

(9) จัดกีฬาประเพณี ระหว่างสองสถาบัน เน้นกีฬาประเภทป๊อปปูล่าร์และประเภทต่อสู้ และพยายามต่อยอดถึงระดับชาติ

(10) มหาวิทยาลัยจัดตารางเรียน อย่าให้มีเวลาว่างมากนัก หรือให้งานนักศึกษามากๆ

(12) จัดค่ายอาสาพัฒนาชนบท ให้ทั้งสองสถาบันไปทำกิจกรรมร่วมกัน

(13) การบังคับใช้กฎหมาย ตำรวจต้องเข้มงวด อย่าไปกลัวว่านักศึกษาจะเสียอนาคต ครูอาจารย์ต้องไม่ใจอ่อน ผิดก็ว่ากันตามผิด รัฐโทษไปตามบทบัญญัติของการทำผิด

(14) ครู อาจารย์ ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องต้องมาประชุมวางแผนร่วมกัน อย่างน้อยภาคเรียนละครั้ง

ไม่มีความคิดเห็น: